“ไทยยูเนี่ยน” ก้าวสู่โครงการระดับโลก เพื่อจัดการปัญหาสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลง ย้ำเป็นบริษัทผู้ผลิตอาหารรายแรก และเป็นบริษัทที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ของประเทศไทยที่เข้าร่วมโครงการ EP 100 ขององค์กร The Climate Group เพื่อใช้พลังงานอย่างชาญฉลาด
การเข้าร่วมนี้เป็นหนึ่งในกลยุทธ์ของบริษัทฯ เพื่อจะจัดการกับปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ปัญหานี้ส่งผลกระทบต่อธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รวมทั้งต่อท้องทะเลทั่วโลก โดยบริษัทฯ มีเป้าหมายที่จะใช้พลังงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นเป็นสองเท่าภายในปี 2574 เทียบจากข้อมูลในปี 2559 ด้วยการนำขององค์กร The Climate Group และการร่วมมือกับองค์กร Alliance to Save Energy และโครงการ EP 100 เพื่อนำบริษัทขนาดใหญ่ที่มีความมุ่งมั่นในการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพให้มากขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้ผลลัพธ์ทางด้านเศรษฐกิจสูงขึ้นจากการใช้พลังงานทุกหน่วยที่มีการใช้พลังงาน
ในฐานะที่เป็นหนึ่งในบริษัทอาหารทะเลที่ใหญ่ที่สุดในโลก การเข้าร่วมกับองค์กร The Climate Group ของไทยยูเนี่ยน แสดงให้เห็นถึง ความรับผิดชอบของบริษัทในการผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกของอุตสาหกรรมอาหารทะเลโลก
ดร. แดเรี่ยน แมคเบน ผู้อำนวยการกลุ่มส่งเสริมกิจการองค์กรและความยั่งยืน บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “เราทุกคนเห็นอย่างชัดเจนถึงผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่มีต่อโลก เริ่มจากอุณหภูมิที่ร้อนขึ้น สภาพอากาศที่มีความรุนแรงขึ้น และอุณหภูมิในท้องทะเลที่สูงขึ้น ท้องทะเลทั่วโลกมีความสำคัญต่อธุรกิจของเรา แต่ที่สำคัญมากกว่านั้น คือผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่มีต่อท้องทะเลจะส่งผลต่อชีวิตความเป็นอยู่ของคนหลายล้านคนอีกด้วย เรามั่นใจว่า การร่วมมือในโครงการ EP 100 ของ The Climate Group จะสามารถผลักดันให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีสำหรับทุกคน”
นางสาวเฮเลน คลาร์กสัน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร องค์กร The Climate Group กล่าวว่า “เรายินดีต้อนรับ ไทยยูเนี่ยนที่ได้เข้าร่วมในโครงการ EP 100 ของเรา การใช้พลังงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นมีความจำเป็นต่อการจัดการวิกฤตเรื่องสภาพภูมิอากาศของโลก แต่ความคืบหน้าช้าเกินไป เราต้องการการทำงานที่มากขึ้นในเรื่องการใช้พลังงานอย่างประหยัดเพื่อลดปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก และเพื่อประโยชน์ทางธุรกิจ ยินดีที่ไทยยูเนี่ยนเป็นตัวอย่างในการเป็นผู้นำ เราต้องการให้บริษัทอื่นๆ ในอุตสาหกรรมอาหารโลกก้าวขึ้นมาและมีการใช้พลังงานน้อยลง”
ทั้งนี้ ไทยยูเนี่ยน ได้เข้าร่วมในโครงการ EP 100 ในส่วนของโปรแกรม Cooling Challenge ซึ่งจะเน้นไปที่เรื่องระบบการทำความเย็นในโรงงานให้มีวิธีการใช้พลังงานให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด โดยการดำเนินงานจากนี้ American Society of Heating, Refrigerating and Air-Conditioning Engineers (ASHRAE) จะเป็นหน่วยงานที่ทำการตรวจสอบการใช้พลังงานในโรงงานผลิตของไทยยูเนี่ยน 2 โรงงาน และให้คำแนะนำเรื่องการปรับปรุงประสิทธิภาพของระบบการทำความเย็นของทั้งสองโรงงาน ซึ่งไทยยูเนี่ยนจะต้องรายงานความคืบหน้าผลการดำเนินงานไปยังโครงการ EP 100 เป็นประจำทุกปี
ความพยายามของไทยยูเนี่ยน และการทำงานขององค์กร The Climate Group จะช่วยส่งเสริมกลยุทธ์ความยั่งยืนของไทยยูเนี่ยน หรือ SeaChange® ด้วยการพัฒนาโครงการสำคัญต่างๆ ของอุตสาหกรรมที่จะช่วยปกป้องท้องทะเล และเมื่อปีที่แล้ว ไทยยูเนี่ยนยังได้รับการจัดอันดับโดยดัชนี Seafood Stewardship Index (SSI) เป็นอันดับที่ 1 จาก 30 บริษัทอาหารทะเลที่ใหญ่ที่สุดในโลกอีกด้วย โดยประเมินจากการทำงานที่ตอบโจทย์เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติ
ที่มา : ผู้จัดการออนไลน์
https://mgronline.com/greeninnovation/detail/9630000029844
วันที่ : 24 มี.ค. 2563