กระทรวงพลังงาน สั่งสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน ( สนพ.) จ้างที่ปรึกษาศึกษาการปรับโครงสร้างราคาก๊าซธรรมชาติ คาดเสร็จภายใน 9 เดือน ระบุต้นทุนค่าไฟฟ้าปี 2567 นี้ อาจถูกลง หลังราคา LNG ตลาดโลกปรับลดลงเหลือ 9.50 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ขณะที่กำลังผลิตก๊าซฯแหล่งเอราวัณคาดว่าจะกลับมาผลิตตามแผน 800 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน ภายใน เม.ย. 2567 นี้
นายประเสริฐ สินสุขประเสริฐ ปลัดกระทรวงพลังงาน เปิดเผยถึงความคืบหน้านโยบายปรับโครงสร้างราคาก๊าซธรรมชาติของประเทศไทยให้เป็นธรรมต่อทุกฝ่ายว่า กระทรวงพลังงานได้มอบหมายให้สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) เตรียมว่าจ้างที่ปรึกษาดำเนินการศึกษารูปแบบการปรับโครงสร้างราคาก๊าซธรรมชาติให้เหมาะสม คาดว่าจะแล้วเสร็จภายใน 9 เดือน หรือประมาณ ไตรมาส 3-4 ปี 2567 นี้ โดยจะพิจารณาผลกระทบให้ครอบคลุมทุกมิติ ทั้งต้นทุนค่าไฟฟ้า ผลกระทบต่อบริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้ซื้อก๊าซฯ และอุตสาหกรรมต่อเนื่อง เช่น กลุ่มธุรกิจปิโตรเคมี เพื่อไม่ให้กระทบต่อขีดความสามารถทางการแข่งขันของประเทศด้วย
ส่วนผลกระทบจากการปรับโครงสร้างราคาก๊าซฯ ต่อ ปตท.เบื้องต้นได้ประมาณการในช่วงเดือน ม.ค.-เม.ย. ปี 2567 นี้ จะกระทบต่อผลการดำเนินงานโดยรวมในธุรกิจก๊าซฯ ของ ปตท. ปรับลดลงประมาณ 6,500 ล้านบาทนั้น คาดว่า ผลกระทบจริงอาจลดลงได้ เนื่องจากราคาก๊าซธรรมชาติเหลว(LNG) นำเข้าระยะสั้น ลดลงเหลืออยู่ที่ประมาณ 9.50 เหรียญสหรัฐฯต่อล้านบีทียู จากเดิมคาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 13 เหรียญสหรัฐฯต่อล้านบีทียู
ประกอบกับในช่วงปลายเดือน มี.ค. 2567 นี้ หากการผลิตก๊าซฯจากโครงการ G1/61 (แหล่งเอราวัณ) สามารถเพิ่มกำลังการผลิตขึ้นไปแตะ 800 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวันได้ตามเป้าหมายที่ ปตท.สผ. แจ้งไว้ ก็อาจจะทำให้ ประเทศไทยลดการพึ่งพาการนำเข้า LNG ในปี 2567 นี้ลง หรือไม่ถึง 90 ลำ ตามที่เคยประเมินไว้ก่อนหน้านี้ ก็จะช่วยให้ผลกระทบที่ส่งผ่านไปยัง ปตท.ลดลงด้วย
นอกจากนี้ ปตท. ยังวางแผนหามาตรการลดผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการปรับโครงสร้างก๊าซฯ ระยะสั้น เช่น การปรับแผนการเดินเครื่องของโรงแยกก๊าซฯ (Optimization) การเสนอแนวทางการจัดหา LNG เพื่อให้บรรลุเป้าหมายกรอบราคาค่าไฟฟ้าตามนโยบายภาครัฐ
ที่มา: Energy News Center
วันที่ : 9 ก.พ. 2567