คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ประกาศรับฟังความเห็นระเบียบและประกาศเชิญชวนการรับซื้อไฟฟ้าโครงการโรงไฟฟ้าชุมชนฯ ระหว่าง 21 ม.ค.-4 ก.พ. 2564 ระบุหลักเกณฑ์ตามมติ กพช. เปิดรับซื้อ 150 เมกะวัตต์ เฉพาะเชื้อเพลิงชีวมวลและก๊าซชีวภาพ แจงไทม์ไลน์ชัด ให้การไฟฟ้าฝ่ายจำหน่ายเปิดรับยื่นคำเสนอขอขายไฟฟ้าด้วยวิธีประมูล ระหว่างวันที่ 22 มี.ค.-2 เม.ย.2564 ประกาศผล 31 พ.ค.2564 ย้ำหลักเกณฑ์ ให้บริษัทเอกชนถือหุ้นในสัดส่วน 90% และ วิสาหกิจชุมชนหรือเครือข่ายวิสาหกิจชุมชน ซึ่งทำหน้าที่ปลูกพืชพลังงานจำหน่ายให้กับโรงไฟฟ้า ถือหุ้นบุริมสิทธิในสัดส่วน 10%
รายงานข่าวจากคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) แจ้งว่า กกพ. ได้ออกประกาศรับฟังความเห็น “ร่างระเบียบการจัดหาไฟฟ้าโครงการโรงไฟฟ้าชุมชนเพื่อเศรษฐกิจฐานราก(โครงการนำร่อง)” และ “ร่างประกาศเชิญชวนการรับซื้อไฟฟ้าโครงการโรงไฟฟ้าชุมชนเพื่อเศรษฐกิจฐานราก(โครงการนำร่อง)” ระหว่างวันที่ 21 ม.ค.-4 ก.พ. 2564 ทางเว็บไซต์ของ กกพ. ที่ www.erc.or.th
โดยร่างประกาศเชิญชวนรับซื้อไฟฟ้าโครงการโรงไฟฟ้าชุมชนฯ ให้ดำเนินการตามมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ(กกพ.) เมื่อวันที่ 16 พ.ย. 2563 โดยเปิดรับซื้อ 150 เมกะวัตต์ แบ่งเป็นเชื้อเพลิงชีวมวล 75 เมกะวัตต์ เสนอขายโครงการละไม่เกิน 6 เมกะวัตต์ และเชื้อเพลิงก๊าซชีวภาพ(พืชพลังงาน ผสมน้ำเสีย/ของเสีย น้อยกว่าหรือเท่ากับ 25%) 75 เมกะวัตต์ เสนอขายโครงการละไม่เกิน3 เมกะวัตต์
อัตรารับซื้อไฟฟ้า แบ่งเป็น 1. ชีวมวล กำลังผลิตติดตั้งไม่เกิน 3 เมกะวัตต์ คิดอัตรา Feed-in Tariff (FiT) ที่ 4.8482 บาทต่อหน่วย และกำลังการผลิตติดตั้งมากกว่า 3 เมกะวัตต์ FiT ที่ 4.2636 บาทต่อหน่วย 2. ก๊าซชีวภาพ (พืชพลังงาน) มี FiT ที่ 4.7269 บาทต่อหน่วย โดยทั้งหมดมีระยะเวลาสนับสนุน 20 ปี และมี FiT Premium สำหรับพื้นที่พิเศษ อีก 0.50 บาทต่อหน่วย
สำหรับกรอบระยะเวลาดำเนินการ (เบื้องต้น) การไฟฟ้าฝ่ายจำหน่ายออกประกาศการยื่นคำเสนอขอขายไฟฟ้า ภายในเดือนก.พ.2564 ,การไฟฟ้าฝ่ายจำหน่ายเปิดรับยื่นคำเสนอขอขายไฟฟ้า ระหว่างวันที่ 22 มี.ค.-2 เม.ย.2564 ,การไฟฟ้าฝ่ายจำหน่ายประกาศรายชื่อผู้ผ่านการพิจารณาข้อเสนอทางเทคนิค 30 เม.ย.2564 ,การไฟฟ้าฝ่ายจำหน่ายพิจารณาข้อเสนอด้านราคาด้วยวิธี Competitive Bidding และประกาศรายชื่อผู้ผ่านการคัดเลือกเข้าร่วมโครงการ วันที่ 31 พ.ค.2564 ,ลงนามสัญญาซื้อขายไฟฟ้า ภายใน 120 วัน หรือภายในวันที่ 28 ก.ย.2564 ขณะที่กำหนดวันจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ (COD) ภายในวันที่ 28 ก.ย.2567
หลักเกณฑ์และคุณสมบัติของผู้ยื่นขอผลิตไฟฟ้าขนาดเล็กมากที่สำคัญ ได้แก่
1.ไม่เป็นหน่วยงานรัฐ รัฐวิสาหกิจหรือบริษัทในเครือที่มีสถานะเป็นรัฐวิสาหกิจ
2.ต้องเสนอรูปแบบการร่วมทุน ที่ประกอบด้วย 2 กลุ่ม คือ (1) บริษัทเอกชนถือหุ้นในสัดส่วน 90% และ (2) วิสาหกิจชุมชนหรือเครือข่ายวิสาหกิจชุมชน ซึ่งทำหน้าที่ปลูกพืชพลังงานจำหน่ายให้กับโรงไฟฟ้า ถือหุ้นบุริมสิทธิในสัดส่วน 10%
3.ต้องเป็นวิสาหกิจชุมชนหรือเครือข่ายวิสาหกิจชุมชนของกรมส่งเสริมการเกษตรจดทะเบียนกับกรมส่งเสริมการเกษตร และมีสมาชิกรวมกันไม่น้อยกว่า 200 ครัวเรือน
4.แต่ละโครงการที่เสนอต้องเลือกใช้เชื้อเพลิง อย่างใดอย่างหนึ่ง
5.ผู้ยื่นขอผลิตไฟฟ้าต้องมีประสบการณ์ด้านการผลิตไฟฟ้าจากชีวมวลหรือก๊าซชีวภาพในไทยมาก่อน
6.โครงการที่ยื่นคำเสนอขอขายไฟฟ้า ต้องเป็นโรงไฟฟ้าที่ไม่มีสัญญาผูกพันกับภาครัฐ รวมถึงต้องไม่เป็นผู้ที่ได้รับเลือกให้ดำเนินการโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในแบบ SPP Hybrid Firm
7.ห้ามใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลช่วยในการผลิตไฟฟ้า ยกเว้นช่วงการเริ่มต้นเดินเครื่องโรงไฟฟ้าเท่านั้น
8.บริษัทเอกชนต้องยื่นข้อตกลงแบ่งปันผลประโยชน์หรือ MOU หรือเอกสารหลักฐานอื่น ๆ ที่แสดงถึงเงื่อนไขการแบ่งผลประโยชน์ ได้แก่ ส่วนที่ 1 หุ้นบุริมสิทธิ 10% ให้กับวิสาหกิจชุมชนหรือเครือข่ายวิสาหกิจชุมชน ซึ่งเป็นผู้ปลูกพืชพลังงานให้แก่โรงไฟฟ้า และส่วนที่ 2 ผลประโยชน์อื่นๆ สำหรับชุมชนรอบโรงไฟฟ้า เป็นต้น
ส่วนหลักเกณฑ์ความพร้อมด้านเทคนิค ต้องมีแผนจัดหาเชื้อเพลิงอย่างเพียงพอตลอดอายุโครงการ 20 ปี และเชื้อเพลิงจากการปลูกพืชพลังงานจำนวนไม่น้อยกว่า 80% ให้รับซื้อจากวิสาหกิจชุมชน หรือเครือข่ายวิสาหกิจชุมชน โดยต้องทำสัญญารับซื้อเชื้อเพลิงในราคาประกันในรูปแบบเกษตรพันธสัญญา (Contract farming) เชื้อเพลิงจำนวนไม่เกิน 20% ผู้ยื่นขอผลิตไฟฟ้าขนาดเล็กมากสามารถจัดหาเองได้ โดยอาจจะรับซื้อเชื้อเพลิงจากที่อื่น หรือสามารถปลูกเองได้ และต้องมีความพร้อมด้านแหล่งเงินทุน และการบริหารจัดการน้ำ เป็นต้น
โดยการแข่งขันด้านราคานั้น จะพิจารณาจาก
1. ผู้ยื่นขอผลิตไฟฟ้าขนาดเล็กมากจะต้องเสนออัตราส่วนลดจาก Feed-in Tariff ในส่วนคงที่ (FiTF) พร้อมกับข้อเสนอขายไฟฟ้าด้านเทคนิค โดยใส่ซองปิดผนึกให้มิดชิด
2. ข้อเสนอด้านราคาจะถูกเรียงลำดับจากอัตราส่วนลดของ FiTFจากมากไปหาน้อย โดยผู้ยื่นขอผลิตไฟฟ้าขนาดเล็กมากที่เสนออัตราส่วนลดมากจะได้รับการพิจารณาคัดเลือกโดยคำนึงถึงศักยภาพระบบไฟฟ้า และปริมาณตามเป้าหมายการรับซื้อไฟฟ้าก่อน ตามลำดับ
3. กรณีคำเสนอขอขายไฟฟ้ามี Feeder ทางเลือก ให้พิจารณา Feeder ที่สามารถรองรับปริมาณพลังไฟฟ้าสูงสุดตามข้อเสนอขอขายไฟฟ้าเป็นลำดับแรก หากปริมาณพลังไฟฟ้าเสนอขายสูงสุดยังเกินกว่าศักยภาพระบบไฟฟ้าคงเหลือ ผู้ยื่นขอผลิตไฟฟ้าขนาดเล็กมากที่ยินยอมให้ปรับลดปริมาณเสนอขายไฟฟ้าจะได้รับการคัดเลือกได้ไม่เกินศักยภาพระบบไฟฟ้ารองรับได้
ทั้งนี้ กกพ.มีข้อกำหนดให้เอกชนผู้ถือหุ้นรายเดิมตามคำเสนอขอขายไฟฟ้า ต้องคงสัดส่วนการถือหุ้นของผู้ผลิตไฟฟ้าขนาดเล็กมากไว้ไม่น้อยกว่า 51% จนกว่าจะเริ่ม COD แล้วเป็นระยะเวลาไม่น้อยกว่า 3 ปี
สำหรับ“ร่างระเบียบการจัดหาไฟฟ้าโครงการโรงไฟฟ้าชุมชนเพื่อเศรษฐกิจฐานราก(โครงการนำร่อง)” ที่สำคัญคือ การกำหนดให้วางหลักประกัน โดยกำหนดให้ผู้ยื่นขอผลิตไฟฟ้าขนาดเล็กมาก(VSPP)ต้องวางหลักประกันการยื่นคำเสนอขอขายไฟฟ้า (Bid Bond) จำนวน 500 บาทต่อกิโลวัตต์ของปริมาณพลังไฟฟ้าเสนอขาย และจะคืนหลักประกันให้ต่อเมื่อ VSPP ยกเลิกคำเสนอขายไฟฟ้า หรือไม่ผ่านการคัดเลือก รวมถึงได้รับคัดเลือกและได้ลงนามสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) แล้ว
นอกจากนี้ ให้วางหลักประกันสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (Development Bond) จำนวน 500 บาทต่อกิโลวัตต์ของ ปริมาณพลังไฟฟ้าเสนอขาย และกำหนดให้การไฟฟ้าฝ่ายจำหน่ายคืนหลักประกันเมื่อได้จ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิง พาณิชย์แล้ว (COD)
ที่มา: Energy News Center
วันที่ : 22 ม.ค. 2564