ปิดเกมโครงการโรงไฟฟ้าชุมชนเพื่อเศรษฐกิจฐานราก ตามนโยบายของนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ที่มีเป้าหมายจะรับซื้อไฟฟ้า 1,933 เมกะวัตต์ หลังจากที่ นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานยืนยันที่จะยึดแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศ หรือ พีดีพี 2018 แทน พีดีพี2018 ฉบับปรับปรุงครั้งที่ 1 ที่มีการบรรจุเรื่องโรงไฟฟ้าชุมชนเอาไว้ในแผน โดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมเสนอ 2 แนวทาง ให้ดำเนินการแทนในลักษณะเป็นโรงไฟฟ้าที่แบ่งผลประโยชน์ให้ชุมชนและการรับซื้อไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าชีวมวลและชีวภาพที่มีการแข่งขันต้นทุนราคาค่าไฟ
แหล่งข่าวจากกระทรวงพลังงาน อธิบายว่า ในพีดีพี 2018 ฉบับเดิม ที่เป็นแผนซึ่งจัดทำขึ้นในสมัยที่ดร.ศิริ จิระพงษ์พันธุ์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานนั้น ไม่ได้มีเรื่องโครงการโรงไฟฟ้าชุมชนเพื่อเศรษฐกิจฐานรากบรรจุไว้ในแผน ดังนั้น การที่ นายสุพัฒนพงษ์ ยังยืนยันที่จะใช้พีดีพี 2018 ฉบับนี้ เป็นหลักไปก่อน จนกว่าจะมีการจัดทำแผนพีดีพี ฉบับใหม่ ที่อาจจะเรียกว่า พีดีพี 2021 หรือ พีดีพี2022 ซึ่งจะมีการปรับพยากรณ์ความต้องการใช้ไฟฟ้าใหม่ตามผลกระทบของโควิด-19 ที่มีต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศไทย แล้วนั้น จึงถือว่า การรับซื้อไฟฟ้าตามโครงการโรงไฟฟ้าชุมชนเพื่อเศรษฐกิจฐานราก เป็นอันยกเลิก
นอกจากนี้ การที่ นายสุพัฒนพงษ์ ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่า จะดำเนินโครงการโรงไฟฟ้าชุมชน เป็นบทแทรกภายใต้แผน พีดีพี 2018 นั้น ยังทำให้ ในทางปฏิบัติจะไม่สามารถทำได้ด้วย
แหล่งข่าว ยังระบุด้วยว่า แนวทางที่หน่วยงานที่รับผิดชอบจะนำเสนอให้นายสุพัฒนพงษ์ พิจารณา จะเป็นการรับซื้อไฟฟ้าจากชีวมวลและชีวภาพ ในปริมาณตามแผนพีดีพี 2018 ที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน แต่คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน ( กกพ.) จะออกประกาศรับซื้อเป็น 2 แนวทาง คือ โครงการโรงไฟฟ้าประเภทชีวมวลหรือชีวภาพ ที่ผู้ลงทุนมีการแบ่งปันผลประโยชน์ให้กับชุมชนในพื้นที่ ตามหลักเกณฑ์ใหม่ที่กำหนด จะได้รับอัตราค่าไฟฟ้าในรูปของ Feed in Tariff -FiT ที่สูงกว่าปกติ จึงจะมีความคุ้มค่าในการลงทุน ส่วนโครงการโรงไฟฟ้าที่ไม่ได้จัดสรรผลประโยชน์ให้กับชุมชน จะต้องมีการแข่งขันกันเพื่อขายไฟฟ้าเข้าระบบตามต้นทุนที่ต่ำที่สุด
แหล่งข่าว กล่าวด้วยว่า การยืนยันจะใช้แผนพีดีพี 2018 ฉบับเดิม ยังมีผลให้ แผนพัฒนาพลังงานทดแทน หรือแผนAEDP2018 รวมทั้งแผนบริหารจัดการก๊าซธรรมชาติหรือ Gas Plan 2018 ที่มีการปรับแผนให้สอดคล้องกับแผนพีดีพี 2018 ฉบับปรับปรุงครั้งที่ 1 จะต้องมีการปรับแผนใหม่อีกครั้ง เพื่อให้สอดคล้องกับ พีดีพี2021 หรือ 2022 ที่จะจัดทำขึ้นใหม่ ด้วย
ผู้สื่อข่าวศูนย์ข่าวพลังงาน ( Energy News Center-ENC ) รายงานว่า โครงการโรงไฟฟ้าชุมชนที่ยังดำเนินการอยู่ จะเหลือเพียง โครงการโรงไฟฟ้าชุมชนนำร่อง ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ที่อำเภอแม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ ซึ่งใช้ซังข้าวโพด เป็นเชื้อเพลิง และ ที่ อ.ทับสะแก จ.ประจวบคีรีขันธ์ ที่ใช้หญ้าเนเปียร์ เป็นเชื้อเพลิง เท่านั้น
สำหรับ โครงการโรงไฟฟ้าชุมชนเพื่อเศรษฐกิจฐานราก เป็นโครงการที่ถูกผลักดันในสมัยนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เป็นรัฐมนตรีพลังงาน ภายใต้แผนPDP2018 ฉบับปรับปรุงครั้งที่ 1 ที่ผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ตั้งแต่วันที่ 19 มี.ค.2563 แล้ว แต่ยังไม่ได้ถูกเสนอให้คณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบเพื่อนำไปสู่การปฏิบัติ และมีการปรับคณะรัฐมนตรี เปลี่ยนตัวรัฐมนตรีพลังงานเสียก่อน
โดยตามแผนพีดีพี 2018 ฉบับปรับปรุงครั้งที่ 1 ดังกล่าว จะมีการรับซื้อไฟฟ้าจากโครงการโรงไฟฟ้าชุมชนตลอดทั้งแผน รวม 1,933 เมกะวัตต์ ( 700 เมกะวัตต์ รับซื้อภายในปี 2565 แบ่งเป็นประเภท Quick Win ไม่เกิน 100 เมกะวัตต์ และประเภททั่วไป 600 เมกะวัตต์ )
ที่มา: Energy News Center
วันที่ : 8 ก.ย. 2563