งบกองทุนอนุรักษ์ฯ ปี 63 วงเงิน 5,600 ล้านบาท จะเดินหน้าต่อหรือรอรัฐมนตรีพลังงานคนใหม่ ต้องวัดใจปลัดพลังงาน “กุลิศ สมบัติศิริ “
ถ้าเป็นไปตามคาดการณ์ ภายในเดือน ก.ค.2563 นี้ คณะทำงานกลั่นกรองโครงการที่ของบกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานปี 2563 ที่มีนายประเสริฐ สินสุขประเสริฐ รองปลัดกระทรวงพลังงาน เป็นหัวหน้า ที่ตั้งขึ้นมาช่วยคณะอนุกรรมการกลั่นกรองที่มี นายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน เป็นประธาน ก็จะส่งโครงการที่อยู่ในเกณฑ์จะได้รับอนุมัติให้คณะอนุกรรมการได้ทั้งหมด หลังจากที่ต้องใช้เวลาเกือบ 2 เดือนในการทำงาน จากเดิมที่ถูกกำหนดกรอบเวลาเอาไว้ให้ประมาณ 1 เดือน โดยที่ต้องใช้เวลานานขึ้นก็เพราะ ในวันที่ปิดรับข้อเสนอเมื่อ 27 พ.ค. 2563 นั้นมีผู้ยื่นขอรับการจัดสรรงบมากถึง 5,155 โครงการ รวมวงเงินกว่า 62,616 ล้านบาท เกินกว่างบจัดสรรได้ที่มีอยู่แค่ 5,600 ล้านบาทถึง 11 เท่า คณะทำงานจึงต้องมาช่วยกันกลั่นกรอง อ่านโครงการกันตาแฉะเกือบทุกวันเพื่อคัดแยกโครงการที่ไม่เข้าเกณฑ์ออกไปก่อน
โดยโครงการที่ยื่นของบเข้ามามากที่สุดคือการติดตั้งระบบสูบน้ำพลังแสงอาทิตย์ รวมกว่า 2,339 โครงการ เป็นวงเงิน 9,172 ล้านบาท
มีเกณฑ์ 7 ข้อที่ใช้ในการพิจารณากลั่นกรองโครงการคือ
1.ต้องตรงกับวัตถุประสงค์ของการใช้จ่ายเงินกองทุนฯ ตามมาตรา 25 ของ พ.ร.บ. การส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ. 2535
2.เน้นโครงการที่มีข้อมูลทางเทคนิคของอุปกรณ์มาประกอบการพิจารณา โดยแสดงผลประหยัดที่ถูกต้อง มีระยะเวลาการคืนทุน มีข้อมูลความคุ้มค่าของการดำเนินโครงการ กลุ่มเป้าหมายที่ได้รับประโยชน์จากโครงการชัดเจน
3.เน้นโครงการที่ผู้ขอยื่นรับการสนับสนุนไม่เข้าข่ายเป็นผู้ขอแทนกันในลักษณะที่ไม่ใช่เจ้าของหน่วยงานในสังกัดเดียวกัน
4.กรณีที่เป็นโครงการต่อเนื่อง ต้องมีรายงานแสดงผลการเบิกจ่ายของปีที่ผ่านมา ไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 และมีรายงานผลความก้าวหน้าของโครงการในปีที่ผ่านมาไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 โดยแสดงข้อมูลดังกล่าว ณ วันที่ยื่นข้อเสนอโครงการ
5.ไม่สนับสนุนโครงการที่ขอดำเนินการในลักษณะเดียวกับโครงการสาธิตริเริ่มที่มีผลสัมฤทธิ์ หรือมีการดำเนินการมาก่อนหน้าแล้ว
6.กรณีเป็นโครงการที่เกี่ยวข้องกับการสนับสนุนผลผลิตภาคการเกษตรจะต้องสามารถวัดผลได้ ว่ามีการสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจแก่กลุ่มเป้าหมายได้อย่างไร
7.ทรัพย์สินที่ได้รับการสนับสนุนเงินจากกองทุนฯ ถือเป็นทรัพย์สินที่ผู้ได้รับการสนับสนุนจะต้องบำรุงรักษาต่อไป
เมื่อผ่านด่านคณะทำงานของนายประเสริฐ แล้ว ด่านต่อไปคือชุดคณะอนุกรรมการที่มีนายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงานเป็นประธาน และคณะกรรมการชุดใหญ่พิจารณาเป็นด่านสุดท้าย แต่เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงในคณะรัฐมนตรีที่ทั้ง นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ที่อยู่ในฐานะกรรมการ และ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ที่เป็นประธานคณะกรรมการกองทุนฯ ลาออกจากตำแหน่งในคณะรัฐมนตรี ไปเมื่อวันที่ 16 ก.ค.2563 ที่ผ่านมา และมีการตั้งนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี มาทำหน้าที่แทนทั้งนายสมคิด และ นายสนธิรัตน์ แล้ว ประเด็นที่สังคมให้ความสนใจคือ นายกุลิศ ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการฯ จะเดินหน้าพิจารณาโครงการต่อ และส่งให้ คณะกรรมการชุดใหญ่ ที่มีนายวิษณุเป็นประธาน เห็นชอบไปเลย เพื่อให้สามารถอนุมัติการจัดสรรงบได้เร็วขึ้น หรือจะตั้งเรื่องรอไว้ ให้มีการปรับคณะรัฐมนตรีให้เรียบร้อยก่อน แล้วค่อยเดินตามนโยบายจาก รัฐมนตรีพลังงานคนใหม่ และรองนายกรัฐมนตรี ที่จะมานั่งเป็นประธานคณะกรรมการกองทุนฯ
แหล่งข่าวจากกระทรวงพลังงาน ออกมาให้ความเห็นว่า เรื่องของการอนุมัติจัดสรรงบกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานปี 2563 วงเงิน 5,600 ล้านบาทที่มีการเปลี่ยนรัฐมนตรีพลังงานและรองนายกรัฐมนตรี ที่เป็นประธานคณะกรรมการกองทุนฯ พร้อมกัน ก่อนที่จะมีการอนุมัติโครงการนั้น ตามธรรมเนียมปฏิบัติควรต้องรอ รองนายกรัฐมนตรีที่จะมานั่งเป็นประธานคณะกรรมการกองทุนฯ และรัฐมนตรีพลังงานคนใหม่ มอบนโยบายเสียก่อน เพราะอาจจะมีการรวมงบของปี2563 ไปดำเนินการพร้อมกันกับงบปี 2564 ในคราวเดียวกันเลยก็ได้
อย่างไรก็ตามหากนายกุลิศ ยังต้องการจะเดินหน้าโดยไม่ต้องรอนโยบายจากรัฐมนตรีพลังงานคนใหม่ ด้วยเหตุผลที่ต้องการให้เกิดความรวดเร็วในการใช้งบ และเห็นว่ามีหลักเกณฑ์ในการพิจารณาที่วางไว้อย่างถูกต้องและมีการมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี นายวิษณุ เครืองาม มาปฏิบัติหน้าที่แทนตำแหน่งของ รัฐมนตรีที่ลาออกแล้ว ก็สามารถดำเนินการได้ตามกฏหมาย แต่ต้องไปดูกันต่อว่าการทำงานร่วมกันกับรัฐมนตรีพลังงานคนใหม่หลังจากนี้จะมีปัญหาอะไรหรือไม่
ที่มา: Energy News Center
วันที่ : 21 ก.ค. 2563