![](https://iie.fti.or.th/wp-content/uploads/2020/06/6-19-2020-12-09-36-PM-1024x572.png)
จากการที่รัฐบาลมีมาตรการลดภาระค่าไฟฟ้าเพื่อช่วยเหลือประชาชนซึ่งได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ COVID-19 โดยให้ คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เป็นหน่วยงานหลักดำเนินการ นั้น ทาง กกพ. ได้ออกมาตรการเร่งด่วนหลายมาตรการ ทั้งการให้ส่วนลดค่าไฟฟ้า 3% การคืนเงินประกันการใช้ไฟฟ้า การให้ใช้ไฟฟรีแก่ผู้ใช้บางประเภทที่ได้รับผลกระทบจาก COVID-19 รวมถึงการตรึงค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ หรือ ค่า Ft รอบเดือน พ.ค. – ส.ค. 2563 ไว้ที่ -11.60 สตางค์ต่อหน่วย (0.1160 บาทต่อหน่วย) เท่ากับในรอบก่อนหน้า (ม.ค. – เม.ย. 2563) ซึ่งการตรึงค่า Ft ดังกล่าว จะทำให้ค่าไฟฟ้าที่ประชาชนผู้ใช้ไฟต้องจ่ายในงวดเดือน พ.ค. ถึงเดือน ส.ค. ลดลงจากเดิม
ค่า Ft หรือ ค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ เป็นหนึ่งในองค์ประกอบของโครงสร้างอัตราค่าไฟฟ้าที่หน่วยงานการไฟฟ้าคิดคำนวณตามสูตรเพื่อเรียกเก็บจากผู้ใช้ไฟฟ้า ซึ่งประกอบไปด้วย ค่าไฟฟ้าฐาน + ค่า Ft + ภาษีมูลค่าเพิ่ม) โดยค่าไฟฟ้าฐาน เป็นค่าไฟฟ้าที่สะท้อนรายจ่ายของ 3 การไฟฟ้า ทั้งการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ใน 3 ส่วนหลักๆ คือ ต้นทุนทางการเงินที่การไฟฟ้าใช้ในการก่อสร้างขยายระบบผลิต ระบบส่งและระบบจำหน่ายในอนาคต ต้นทุนในการดำเนินงานและการบริหารจัดการ และต้นทุนค่าเชื้อเพลิงและค่าซื้อไฟฟ้า (ตัวเลขคาดการณ์ ณ วันที่ประกาศอัตราค่าไฟฟ้า) โดยอัตราค่าไฟฟ้าจะประกาศใช้รอบละ 3-5 ปี หลังจากนั้นจึงจะมีการปรับโครงสร้างค่าไฟกันอีกครั้ง
ส่วนค่า Ft เป็นกลไกกำหนดอัตราค่าไฟฟ้าโดยอัตโนมัติ ที่ปรับทุก 4 เดือน เพื่อสะท้อนการเปลี่ยนแปลงของต้นทุนค่าเชื้อเพลิงที่เปลี่ยนแปลงไปตามปัจจัยต่างๆ เช่น ราคาค่าเชื้อเพลิง (ณ เวลาที่คำนวณอัตราค่า Ft) อัตราเงินเฟ้อ อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ ค่าซื้อไฟฟ้า และค่าใช้จ่ายตามนโยบายของรัฐ
ประโยชน์ของค่า Ft คือ หากในการคำนวณอัตราค่าไฟฟ้าได้คาดการณ์ราคาเชื้อเพลิงไว้สูง (บนพื้นฐานราคา ณ วันที่ประกาศอัตราค่าไฟฟ้า) แต่ 4 เดือนต่อมาราคาค่าเชื้อเพลิงปรับตัวลดลง หากไม่มีค่า Ft มาสะท้อนต้นทุนที่ลดลงนั้น ประชาชนก็อาจเสียประโยชน์เพราะต้องจ่ายค่าไฟฟ้าแพง แต่ในทางกลับกัน หากคาดการณ์ค่าเชื้อเพลิงไว้ต่ำเกินไป และต่อมาราคาค่าเชื้อเพลิงปรับขึ้น หากไม่มีค่า Ft มาช่วย ก็อาจกระทบต่อรายได้ของการไฟฟ้าและการลงทุนเพื่อพัฒนาการผลิตไฟฟ้าเพื่อรองรับความต้องการในอนาคตและความมั่นคงทางไฟฟ้าของประเทศ
* ค่า Ft จึงเป็นตัวสะท้อนต้นทุนค่าไฟฟ้าที่เหมาะสมต่อทั้งผู้ใช้ไฟฟ้าและผู้ผลิตไฟฟ้า ถือเป็นกลไกที่สร้างความเป็นธรรมให้ทั้งสองฝ่าย *
อย่างที่ทราบกันว่า เชื้อเพลิงเป็นต้นทุนสำคัญของการผลิตไฟฟ้า คือ คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 70-80% ของค่าไฟฟ้า ดังนั้น การปรับขึ้น-ลงของค่าเชื้อเพลิง โดยเฉพาะราคาก๊าซธรรมชาติ ซึ่งเป็นเชื้อเพลิงหลักในการผลิตไฟฟ้า จะมีผลอย่างมากต่อค่าไฟฟ้า ดังนั้น การนำปัจจัยค่าเชื้อเพลิงมาคำนวณผ่านกลไกสูตร Ft ทุกๆ รอบ 4 เดือน จึงทำให้เกิดความคล่องตัวในการปรับราคาค่าไฟฟ้า เป็นการสะท้อนต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ ช่วยสะท้อนราคาค่าไฟฟ้าที่เหมาะสมและเป็นธรรมทั้งสำหรับผู้ใช้ไฟฟ้าและผู้ผลิตไฟฟ้า
ทั้งนี้ จะเห็นได้ว่าในบิลค่าไฟ มีการระบุอัตราค่า Ft ไว้อย่างชัดเจน (ดังภาพ) ซึ่งหากค่า Ft ลด ก็หมายความว่าค่าไฟฟ้าก็จะลดลง แต่หากค่า Ft ปรับขึ้น ผู้ใช้ไฟฟ้าก็ต้องจ่ายค่าไฟเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ ก็ขึ้นอยู่กับปริมาณการใช้ไฟฟ้าในแต่ละงวดด้วย โดยหากใช้ไฟฟ้าในปริมาณเท่าๆ เดิม ค่า Ft ที่ลดลง ย่อมหมายความว่าผู้ใช้ไฟฟ้าก็จะเสียค่าไฟน้อยลงด้วย
![](https://iie.fti.or.th/wp-content/uploads/2020/06/6-19-2020-12-11-02-PM.png)
จะสังเกตเห็นได้ว่าตัวเลขค่า Ft ในรอบปัจจุบันนี้ เป็นตัวเลขติดลบ นั่นหมายความว่า การไฟฟ้าจะนำตัวเลขค่า Ft ไปหักจากค่าไฟฐาน ทำให้ค่าไฟฟ้าที่ผู้ใช้ต้องจ่ายจะลดลง แต่หากเมื่อใดที่ค่า Ft เป็นปรับสูงขึ้นตามต้นทุนค่าเชื้อเพลิงและค่าใช้จ่ายอื่นๆ จนเป็นบวก นั่นหมายความว่าต้องบวกค่า Ft เข้าไปกับค่าไฟฐาน ผู้ใช้ไฟฟ้าก็ต้องจ่ายค่าไฟสูงขึ้น
และจากมาตรการที่ กกพ. ประกาศตรึงค่า Ft งวดปัจจุบันไว้ที่อัตรา -11.60 สตางค์ต่อหน่วยนั้น คาดว่าจะใช้วงเงินประมาณ 5,120 ล้านบาท ซึ่ง กกพ. มีเงินสำหรับบริหารจัดการค่าไฟฟ้ารวมอยู่ประมาณ 24,000 ล้านบาท จึงทำให้สามารถนำบางส่วนมาใช้สนับสนุนมาตรการตรึงค่า Ft และมาตรการอื่นๆ เพื่อเยียวยาให้กับผู้ใช้ไฟฟ้าในช่วงโควิด-19 ตามนโยบายของรัฐบาลได้
อย่างไรก็ตาม ในปีหน้า 2564 ถึงวาระที่ กกพ. จะต้องปรับอัตราค่าไฟฟ้าใหม่ ซึ่งค่าไฟฟ้าฐานก็จะสะท้อนต้นทุนที่เหมาะสมมากขึ้น รวมถึงมีแนวคิดที่จะนำปัจจัยการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของกิจการไฟฟ้าในประเทศไทย ที่ปัจจุบันผู้ใช้ไฟฟ้าหันมาเป็นผู้ผลิตไฟฟ้าใช้เองและจำหน่ายด้วย หรือ ที่เรียกว่า prosumer ซึ่งทำให้อัตราค่าไฟฟ้าตามโครงสร้างราคาใหม่จะครอบคลุมกลุ่ม prosumer ด้วย และจะสะท้อนราคาที่เป็นธรรมต่อผู้ใช้ไฟฟ้ามากขึ้น
ที่มา: Energy News Center
วันที่ : 17 มิ.ย. 2563