คณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง(กบน.)เห็นชอบปรับเพิ่มส่วนต่างราคาดีเซล B10 ถูกกว่า ดีเซลB7ถึง 3 บาทต่อลิตร หวังจูงใจประชาชนหันมาใช้เพิ่ม ตั้งเป้าเดือนมี.ค. 2563 ยอดใช้ B10 พุ่งก้าวกระโดดเป็น20ล้านลิตรต่อวันจาก5.3ล้านลิตรต่อวัน แต่เงินจะไหลออกจากกองทุนเพิ่มขึ้นเป็น 819ล้านบาทต่อเดือน และจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆตามปริมาณการใช้ โดยราคาน้ำมันหน้าปั๊มมีผลเปลี่ยนแปลงวันที่28 ก.พ. 2563
นายวีระพล จิรประดิษฐกุล ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง(ผอ. สกนช.) เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง(กบน.) ที่มีนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นประธานว่า ที่ประชุม กบน. เห็นชอบตามมติคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน(กบง.)เมื่อวันที่ 21 ก.พ. 2563 ให้ปรับอัตราส่งเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง เฉพาะกลุ่มดีเซลใหม่ โดยเรียกเก็บเงินผู้ใช้น้ำมันดีเซลB7 (น้ำมันดีเซลที่ผสมน้ำมันปาล์มบริสุทธิ์ 7% ในทุกลิตร) เข้ากองทุนน้ำมันเพิ่มจาก 0.25 บาทต่อลิตร เป็น 1 บาทต่อลิตร หรือเพิ่มขึ้น 75 สตางค์ต่อลิตร
ในขณะที่ น้ำมันดีเซลB10 (น้ำมันดีเซลที่ผสมน้ำมันปาล์มบริสุทธิ์ 10% ในทุกลิตร)จะได้รับการชดเชยเพิ่มขึ้นจากเดิม 2 บาทต่อลิตร เป็น 2.50 บาทต่อลิตร หรือเพิ่มขึ้น 50 สตางค์ต่อลิตร เช่นเดียวกับดีเซลB20 (น้ำมันดีเซลที่ผสมน้ำมันปาล์มบริสุทธิ์ 20% ในทุกลิตร) ปรับชดเชยเพิ่มขึ้นจากเดิม 3.91 บาทต่อลิตร เป็น 4.41 บาทต่อลิตร หรือชดเชยเพิ่มขึ้น 50 สตางค์ต่อลิตร
ผลจากการปรับอัตราส่งเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงใหม่ ทำให้ราคาน้ำมันดีเซลB10 ต่ำกว่าราคาน้ำมันดีเซลB7 ถึง 3 บาทต่อลิตร จากเดิมที่ต่ำกว่า 2 บาทต่อลิตร และราคาดีเซลB20 ต่ำกว่าดีเซลB7 ถึง 3.50 บาทต่อลิตร จากเดิมต่ำกว่า 3 บาทต่อลิตร เพื่อจูงใจให้ประชาชนหันมาใช้ดีเซลB10 มากขึ้น ตามนโยบายกระทรวงพลังงาน ตั้งแต่วันที่ 28ก.พ.2563นี้ เป็นต้นไป
ทั้งนี้กระทรวงพลังงานมีนโยบายส่งเสริมให้ดีเซล B10 เป็นน้ำมันดีเซลพื้นฐาน ที่ผู้ค้าน้ำมันจะต้องมีจำหน่ายทุกปั๊มตั้งแต่เดือนมี.ค. 2563 นี้
ทั้งนี้ราคาดีเซล B10 จะปรับลดราคาลง 50 สตางค์ต่อลิตร มาอยู่ที่ 23.09 บาทต่อลิตร จากปัจจุบันอยู่ที่ 23.59 บาทต่อลิตร และปรับราคาดีเซล B7 ขึ้นไป 50 สตางค์ต่อลิตร เป็น 26.09 บาทต่อลิตร จากปัจจุบันอยู่ที่ 25.59 บาทต่อลิตร ส่วน B20 คงราคาเดิมที่ 22.59 บาทต่อลิตร
นายวีระพล กล่าวว่า ตามมติดังกล่าวจะส่งผลให้สภาพคล่องของกองทุนน้ำมันฯเปลี่ยนไป โดยบัญชีน้ำมัน จะมีเงินไหลออกเพิ่มเป็น 819 ล้านบาทต่อเดือน จากวันที่ 26 ก.พ.63 มีเงินไหลออก 413 ล้านบาทต่อเดือน และจะเพิ่มขึ้นอีกตามปริมาณการใช้ และเมื่อรวมกับบัญชีLPG ที่มีเงินไหลเข้าอยู่ที่ 32 ล้านบาทต่อเดือน จะทำให้กองทุนน้ำมันฯมีเงินไหลออก อยู่ที่ 787 ล้านบาทต่อเดือน โดยข้อมูล ณ วันที่ 26 ก.พ.2563 ประมาณการฐานะกองทุนน้ำมันฯ สุทธิอยู่ที่ 36,005 ล้านบาท แบ่งเป็นบัญชีน้ำมัน อยู่ที่ 41,522 ล้านบาท และบัญชี LPG ติดลบอยู่ที่ 5,517 ล้านบาท
น.ส.นันธิกา ทังสุพานิช อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน กล่าวว่า ในเดือนมี.ค. 2563 ปั๊มน้ำมันที่ผู้ประกอบการเป็นเจ้าของแบรนด์เองทั้งหมด 6,000 แห่ง จะมีดีเซลB10 จำหน่ายทุกปั๊ม ส่วนปั๊มที่ไม่ใช่เจ้าของแบรนด์จะทยอยปรับตามในภายหลัง โดยคาดว่าภายหลังปรับส่วนต่างราคาดีเซล B10 ให้ห่างจากดีเซล B7 ถึง 3 บาทต่อลิตร จะส่งผลให้เดือนมี.ค.2563 นี้จะมียอดใช้ดีเซล B10 เพิ่มขึ้นเป็น 20 ล้านลิตรต่อวัน จาก ณ วันที่ 1-23 ก.พ. 2563 มียอดใช้ 5.3 ล้านลิตรต่อวัน ขณะที่ยอดใช้ดีเซล B20 เดือน ก.พ. 2563 อยู่ที่ 6.8 ล้านลิตรต่อวัน
ทั้งนี้เป้าหมายของกระทรวงพลังงาน ในเดือน ก.ย. 2563 ต้องการให้มีการใช้ดีเซล B10 รวม 52 ล้านลิตรต่อวัน ยอดใช้ดีเซลB20 อยู่ที่ 6 ล้านลิตรต่อวัน และดีเซล B7 อยู่ที่ 8 ล้านลิตรต่อวัน จากยอดใช้ดีเซลเฉลี่ยรวมทั้งหมดประมาณ 65 ล้านลิตรต่อวัน
ที่มา : Energy News Center
วันที่ : 27 ก.พ. 2563