คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เตรียมเก็บค่าบริการเชื่อมต่อระบบกลุ่ม Prosumer ที่เป็นทั้งผู้ผลิตไฟฟ้าใช้เองและต้องการขายไฟฟ้าเข้าระบบ ที่จะมีเพิ่มมากขึ้นในอนาคต ในขณะที่มีแผนจะเปิดรับฟังความเห็นโครงสร้างค่าไฟฟ้าฐานใหม่ช่วงไตรมาส3-4 ปี 2563 และคาดว่าจะเริ่มใช้ตั้งแต่ 1 ม.ค.2564 เป็นต้นไป
นายคมกฤช ตันตระวาณิชย์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน(สำนักงาน กกพ.) เปิดเผยในระหว่างศึกษาดูงานด้านไฟฟ้าของบริษัท Kansai Electric Power ของประเทศญี่ปุ่น ช่วงระหว่าง วันที่ 16-20 ก.พ.2563 ว่า กกพ.จะมีการพิจารณาเรื่องของการคิดค่าบริการเชื่อมต่อระบบโครงข่ายไฟฟ้า กับกลุ่มProsumer ที่เป็นทั้งผู้ผลิตไฟฟ้าใช้เองและต้องการขายไฟฟ้าเข้าระบบ ที่คาดว่าจะมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นในอนาคต โดย อาจจัดเก็บเป็นอัตราส่วนเพิ่มในบิลค่าไฟฟ้า ที่จะไม่รวมอยู่ในค่าไฟฟ้าฐาน
ทั้งนี้ กกพ.อยู่ระหว่างศึกษารายละเอียดการปรับโครงสร้างค่าไฟฟ้าฐานของประเทศซึ่งจะคำนึงถึงพฤติกรรมของผู้ใช้ไฟฟ้าในปัจจุบันที่เปลี่ยนไป คาดว่า จะสามารถเปิดรับฟังความคิดเห็นจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียภายในช่วงไตรมาส 3-4 ปี 2563 นี้ และประกาศใช้โครงสร้างค่าไฟฟ้าฐานใหม่ตั้งแต่ 1 ม.ค.2564 เป็นต้นไป
สำหรับแนวทางดูแลอัตราค่าไฟฟ้าของประเทศในปี 2563 เพื่อไม่ให้เป็นภาระต่อค่าครองชีพของภาคประชาชน ตามนโยบายของนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีนั้น นายคมกฤช กล่าวว่า กกพ. อยู่ระหว่างพิจารณาแนวทางที่เหมาะสม ซึ่งจะต้องพิจารณาถึงต้นทุนค่าเชื้อเพลิงเป็นหลัก โดยขณะนี้มีทั้งปัจจัยบวกต่อค่าไฟ เช่น ราคาก๊าซธรรมชาติที่เป็นเชื้อเพลิงหลักในการผลิตไฟฟ้าถึง 60% ของค่าเชื้อเพลิงทั้งหมด ยังมีราคาไม่สูงมากนัก รวมทั้งเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นทำให้ค่าเชื้อเพลิงถูกลง ในขณะที่ปัจจัยลบยังมีความเสี่ยงจากต้นทุนการผลิตไฟฟ้า โดยต้องติดตามดูสถานการณ์ภัยแล้งว่าจะส่งผลกระทบต่อปริมาณน้ำในเขื่อนอย่างไร เพราะหากน้ำน้อยไม่สามารถเดินเครื่องผลิตไฟฟ้าได้ ก็จะส่งผลให้ต้นทุนผลิตไฟฟ้าสูงขึ้น เนื่องจากน้ำมีต้นทุนต่ำสุด แต่ยืนยันว่า ปัญหาภัยแล้งจะไม่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงด้านกำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศแน่นอน
อย่างไรก็ตาม กกพ. มองว่า มีความเป็นไปได้ที่จะสามารถดูแลอัตราค่าไฟฟ้าอีก 2 งวดที่เหลือของปี2563นี้ คือ งวด(พ.ค-ส.ค) และงวด(ก.ย.-ธ.ค.) ให้คงอัตราไว้ในระดับเดียวกับงวดแรกของปี 2563นี้(ม.ค.-เม.ย.63) เนื่องจากยังมีวงเงินส่วนได้จาก 3 การไฟฟ้า เหลืออยู่ประมาณ 1,000 ล้านบาท ที่จะนำมาดูแลค่าไฟฟ้าให้กับภาคประชาชนได้
สำหรับอัตราค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ(Ft) งวด ม.ค.-เม.ย.63 ติดลบอยู่ที่ 11.60 สตางค์ต่อหน่วย ทำให้อัตราค่าไฟฟ้าที่ประชาชนจ่าย อยู่ที่ 3.64 บาทต่อหน่วย และค่าไฟฟ้าฐาน อยู่ที่ 3.7556 บาทต่อหน่วย
ที่มา : Energy News Center
วันที่ : 21 ก.พ. 2563